Share
สวัสดีครับ สมาชิกใหม่มาแนะนำตัว และขออนุญาตรีวิวการใช้งาน REVO Rocco D-Cab 4x4 'คุณมะลิ' ให้เพื่อนสมาชิกอ่านเล่นกันนะครับ
ช่วงก่อนการตัดสินใจซื้อ : ตอนแรกผมดูไว้ทั้งฟอร์ด นิสสัน มิตซู อีซูสุ และโตโยต้า ดูแบบไม่รีบครับค่อยๆ หาข้อมูล ทดลองขับรถโชว์รูม ลองขับรถของเพื่อนๆ อยู่สองปี แรกสุดน้ำหนักอยู่ที่ฟอร์ดโดยเฉพาะหลัง MC2015 ยิ่งน่าสนใจ แต่ยังไม่ตัดสินใจ เพราะโตโยต้ามีข่าวว่ากำลังจะออกรุ่นใหม่ สำหรับผมการเลือกรถสำหรับใช้งานสักคัน ก็เหมือนกับเลือกเพื่อนชีวิต บางยี่ห้อมีข้อดีมากมาย มีข้อเสียเพียงข้อเดียว แต่เป็นข้อเสียที่เรายอมรับไม่ได้ เราก็ไม่เลือก ในขณะเดียวกันรถบางคันอาจจะไม่ใช่รถดีที่สุด มีข้อที่ไม่ถูกใจหลายข้อ แต่เป็นข้อบกพร่องที่เราสามารถยอมรับได้ มีวิธีรับมือหรือแก้ไขได้ ก็เป็นตัวเลือกที่ต้องเก็บไว้ หลังจากพิจารณาสารพัดเงื่อนไข ข้อดีข้อเสียต่าง ประกอบกับจังหวะเวลาการปรับโฉมของรถ สุดท้ายจึงมาลงตัวที่ REVO A4 Rocco D-Cab 4x4 AT สีขาวมุกคันนี้แหละครับ
วันรับรถ ความรู้สึกแรกเห็นตัวจริง : รูปลักษณ์ภายนอก - เรื่องความสวยงามเป็นรสนิยมส่วนบุคคล หลายคนอาจจะไม่ชอบหน้าตาของ REVO ด้วยเหตุสารพัด แม้แต่ตัว A4 นี้ ก็ยังโดนวิจารณ์ไม่น้อย แต่สำหรับผมและทุกคนในครอบครัวชอบมากครับ สิ่งที่ถูกใจผมคือ ทีมออกแบบของโตโยต้าปรับหน้าตาใหม่ครั้งนี้ดูลงตัวมากขึ้น ลูกเล่นการตกแต่ง ตัวถังสีขาวมุกตัดกับชุดแต่งสีดำ โดยเฉพาะล้ออัลลอยสีดำกับยาง AT 18" ทำให้รถดูดุดันมากขึ้น และการเลือกใช้สปอร์ตโรว์บาร์สีดำตัดกับตัวถังสีขาวทำให้ช่วงกระบะท้ายของรถรุ่นนี้ดูไม่เทอะทะ ถูกใจ อีกอันนึงที่เล็กน้อยมาแต่ถูกใจผมก็คือ กระบะท้ายติดตั้งกุญแจล็อคฝาท้ายมาให้ อาจจะดูเป็นเรื่องเกินจำเป็นสำหรับหลายๆ คน แต่ถ้าคิดที่จะติดตั้งฝาครอบท้ายกระบะแบบสไลด์ การมีล็อคฝาท้ายทำให้มั่นใจในการเก็บสัมภาระไว้ท้ายกระบะมากขึ้นอีกเยอะ ...เอ่อ...ก็คนมันชอบซะแล้ว ก็จะมองเห็นแต่ข้อดีเต็มไปหมด จริงไหมครับ
การตกแต่งภายใน - ต้องบอกก่อนว่า เมื่อตัดสินใจจองรถคันนี้ ผมยังไม่มีโอกาสได้เห็นตัวจริงของ Rocco รุ่นที่ต้องการเลย เห็นแต่รุ่น Smart Cab Prerunner ที่มาโชว์ที่ห้างแถวบ้าน เข้าไปดูข้างในเป็นเบาะผ้าสีดำ ดูมืดทึม ซึ่งคงเป็นเพราะแสงสว่างในห้างไม่เพียงพอ และอาจเพราะชินกับภายในสีครีมของ VIGO Prerunner คันเดิมที่ใช้มา 10 ปี แต่เมื่อเห็นตัวจริงวันรับรถ ด้วยแสงสว่างธรรมชาติ ภายในสีดำไม่ดูอึดอัดอย่างที่คิด สัดส่วนของวัสดุตกแต่งที่ผสมผสานกันระหว่างคิ้วโครเมียม คิ้วแดชบอร์ดสีดำเงา เบาะหนัง และชิ้นส่วนที่เป็นพลาสติกที่มี ทำให้ภายในดูดี และ 'โก้' กว่าที่คาดหมาย มิติภายในตัวรถ ตลอดจนระยะการวางตำแหน่งของปุ่มต่างๆ ดูเหมาะสมการกับใช้งาน โดยรวมถือว่าน่าพอใจเป็นอย่างมาก
หลังจากรับรถ แรกขับ ติดตั้งอุปกรณ์ ตอนขับออกจากศูนย์ รู้สึกอาการกระเด้งของช่วงล่างเล็กน้อย นึกไปถึงที่บรรดากูรูนักวิจารณ์ทั้งหลายบอกว่าปัญหาของ REVO คือช่วงล่างที่เซ็ตมาแข็งเกินไป คนนั่งเบาะหลังจะเมารถได้ง่าย มีแอบกังวลนิดๆ บ้างเหมือนกัน แต่ก็ว่าจะลองใช้ดูก่อน ถ้ามันเกินจะรับจริงๆ ค่อยว่ากัน หลังจากออกจากศูนย์ สิ่งแรกที่ทำคือมุ่งหน้ากลับบ้านถอดล้ออะไหล่ออกเก็บ เพราะยังหลอนจากคันเดิมไม่หายที่ออกรถมาไม่ถึงอาทิตย์ก็โดนสอยล้ออะไหล่ไปซะแล้ว คราวนั้นเป็นล้อกระทะยังเสียดายปานนั้น คันนี้เป็นล้ออัลลอยขอบ 18 เหมือนอีกสี่ล้อที่ใส่รถอยู่ ถ้าหายอีกงานนี้ไม่รู้ว่าจะจ๋อยปานไหน วันรุ่งขึ้นก็นัดทาง Solex ติดกุญแจล็อคเกียร์ ค่อยรู้สึกสบายใจขึ้น อย่างน้อยใครจะมาทำอะไรก็ต้องออกแรง เสียเวลากันสักพัก วิ่งไปติดตั้งกล้อง ปลดล็อคหน้าจอ หลังจากขับไปโน่นมานี่อยู่สองวัน ก็ลองเช็คลมยาง ทางศูนย์เซ็ตลมยางไว้ที่ 34 PSI ทั้ง 4 ล้อ ผมเลยลดเหลือ 29 PSI ตามคู่มือ ผลปรากฎว่านิ่มกว่าตอนแรกมากครับ รู้สึกได้ชัดเจนทีเดียว
ความรู้สึกจากการใช้งานจริง ลักษณะการขับขี่ - ผมรับรถเมื่อวันที่ 13 กุมภาที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ประมาณ 3 อาทิตย์ ใช้รถเกือบทุกวัน วิ่งไปแล้ว 2,250 KM. นอกจากใช้งานในกรุงเทพฯ เป็นหลักแล้ว มีโอกาสได้ออกไปพัทยาหนึ่งครั้ง ไปกลับหัวหิน-สมุทรสงคราม-กรุงเทพ อีกหนึ่งครั้ง ลักษณะการขับขี่ของผม โดยปกติในเมืองจะขับประมาณ 60-80 ในกรณีที่การจราจรไม่หนาแน่น ประมาณ 100-110 บนทางด่วน และไม่เกิน 120 เมื่อออกทางไกลต่างจังหวัด ยกเว้นเวลาเร่งแซง การที่แรงบิดสูงสุดมาเร็วในรอบต่ำจนลากไปได้ถึงสองพันกว่ารอบเหมาะกับลักษณะการขับขี่ของผม เพราะช่วงเวลาเร่งแซงไม่ต้องคอยลุ้น สำหรับผมแรงบิดที่เรียกได้เร็ว และอัตราเร่งที่ดีในช่วงตีนต้นสำคัญกว่า เป็นจ้าวถนนในช่วงตีนปลายที่ความเร็วสูงครับ แก่แล้ว ใจไม่กล้าเหมือนหนุ่มๆ แซงเสร็จก็ชิดซ้ายเข้าเลนกลาง ขับปุเลงๆ ไปต่อ จังหวะการเปลี่ยนเลนที่ความเร็วสูงในช่วงเร่งแซง ไม่วูบวาบ ไม่ย้วย น้ำหนักพวงมาลัยเหมาะสมดีทั้งที่ความเร็วค่อนข้างสูงไม่ไวเกินไปเหมือนอีกยี่ห้อที่เคยลองขับ
สมรรถนะ ช่วงล่าง และระบบกันสะเทือน - อาจเป็นเพราะเคยชินกับ VIGO คันเก่าหรือเปล่าไม่แน่ใจ หลังจากที่ปรับลมยางเป็น 29 PSI แล้ว ทำให้ผมไม่รู้สึกว่าช่วงล่างของ Rocco คันนี้แข็งกระด้าง กิ่งกระเด้งอะไรมากนักอย่างที่นักวิจารณ์หลายคนว่าไว้ ถึงจะไม่นิ่มเท่า D-Max ไม่เฟิร์มเท่า Ranger หรือ Mazda แต่ก็นิ่มนวลได้ในระดับที่น่าพอใจทีเดียว ลองถามทั้งแม่ตัวและแม่ยายที่นั่งเบาะหลังเป็นประจำ ก็ไม่มีเสียงบ่นเรื่องเมารถหรือรำคาญแต่อย่างใด ถือว่าผ่าน แต่...ก็นะ ถ้าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนโช้คในอนาคต อาจลอง Ironman หรือ Ozzy ดูบ้างก็น่าสนใจไม่น้อย. ... เพิ่มเติมเรื่องช่วงล่างของโตโยต้าอีกนิด เห็นหลายๆคน กังวลว่ามันไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ถึงแม้จะไม่ใช่คุณสมบัติที่ดีโดดเด่นเหนือคู่แข่ง แต่ก็ถูกพัฒนามาจนมั่นใจได้จริงๆ ครับว่าถ้าคุณดูแลรักษาถูกต้องเหมาะสม ขับขี่ไม่ประมาท มันจะไม่ทรยศคุณแน่ๆ ครับ
อัตราการสิ้นเปลือง - เทียบกับเครื่อง 3.0 D4D ของ VIGO Prerunner คันเดิมแล้ว REVO Rocco 2.8 คันนี้ทำได้ดีขึ้นกว่าเดิมมากทีเดียว เมื่อคิดว่า คันเดิมเป็นเกียร์ธรรมดา 2x4 แต่คันนี้เป็นเกียร์ออโต้ 4x4 สำหรับ Prerunner คันเดิมของผม อัตราเฉลี่ยในเมืองอยู่ที่ 10.5 Km/L และ 14-14.5 Km/L เมื่อวิ่งทางไกล ส่วน Rocco ทำได้อยู่ที่ 11.5-12.3 Km/L ในเมือง และ 15.3 Km/L เมื่อขับทางไกล กรณีทริป กทม-หัวหิน-สมุทรสงคราม เฉลี่ยตลอดทริปตั้งแต่ออกจากบ้านจนกลับถึงบ้าน อยู่ที่ 13.7 Km/L ยังไม่ได้ใช้ระบบ Cruise Control นะครับ ตอนนั้นยังใช้ไม่เป็น -_-'
ข้อที่ขัดใจ - เป็นธรรมดาครับ ไม่ว่าจะรักยังไงก็ต้องมีที่ขัดอกขัดใจอยู่บ้าง แต่ข้อที่ขัดใจสำหรับผมที่มีต่อรถคันนี้ เป็นเรื่องค่อนข้างปลีกย่อย คือระบบเครื่องเสียง และระบบนำทาง ระบบนำทางของโตโยต้ายังทำได้ไม่ดีนักในกรณีของตัวที่ติดตั้งมากับเครื่องเล่นมัลติมีเดียของรถ ส่วน T-Connect เมื่อลงทะเบียนใช้งานแล้ว ผมไม่สามารถลิงค์ขึ้นหน้าจอของรถได้ รวมทั้งไม่สามารถเล่นเพลงจากมือถือผ่านทาง Port USB ที่มีอยู่ได้ เนื่องจากระบบ Aux/USB รองรับเฉพาะ iOS เท่านั้น สำหรับ Android User อย่างผม ต้องเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth เท่านั้น ซึ่งถ้าไม่ได้ไปปลดล็อคหน้าจอเพิ่ม Port USB ติดตั้ง WiFI Mirror Link มาแล้วก็จะไม่สามารถส่ง App Nevigator ขึ้นหน้าจอของรถได้เลย ...อันนี้แอบน้อยใจ ความคมชัดของหน้าจอก็น่าผิดหวังพอสมควร เสียงก็ยังอั้นๆ อยู่บ้าง แต่เรื่องพวกนี้ไม่เป็นไร รอเก็บเงินซักหน่อยจะไปถอย Front ที่เล่น DSD ได้ มี Garmin GPS มาเปลี่ยน อัพเกรดระบบเสียงอีกนิดก็น่าจะพอ
ภาพรวมโดยสรุป -
ชอบครับ พอใจมาก อย่างที่บอกไปข้างต้นแล้ว หน้าตารูปลักษณ์การตกแต่งชอบหรือไม่ชอบขึ้นอยู่กับรสนิยมส่วนบุคคล สมรรถนะการขับขี่จะถูกใจหรือไม่อยู่ที่ประสบการณ์ และลักษณะการขับขี่ของผู้ใช้ รถที่พอดีของคนหนึ่งอาจไม่ดีพอสำหรับอีกหลายๆ คน ข้อมูลจากนักวิจารณ์ฟังไว้เป็นข้อมูลครับ แต่อย่ายึดเป็นสรณะ รักคันไหนชอบคันไหน รับข้อเสียของคันนั้นได้ก็เลือกเถอะครับ อย่างนึงที่อยากจะบอกก็คือหลายคนพูดว่า "ซื้อรถมาใช้ ไม่ได้ซื้อมาไว้ซ่อม" และ "ซื้อรถมาใช้ ไม่ได้ซื้อมาเพื่อขายต่อ" อันนี้ก็จริงครับ แต่ผมอยากบอกว่าคิดไว้บ้างก็ดีนะ เพราะยังไงก็แล้วแต่ ไม่ว่ารถจะดีแค่ไหน มันก็ต้องมีวันต้องซ่อม การรออะไหล่แรมเดือน เป็นเรื่องสาหัสครับ โดยเฉพาะคนที่มีรถเพียงคันเดียว ต้องใช้งานเกือบทุกวัน และต้องดูแลผู้ใหญ่อีกสองบ้านอย่างผม ส่วนเรื่องการขายต่อ คุณจะไม่รู้ว่ามันสำคัญจนถึงวันที่คุณต้องขายรถคันเดิมของคุณเพื่อเปลี่ยนคันใหม่ นอกจากคุณจะมีเงินเหลือเฟือจนไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ อันนี้มาจากประสบการณ์ส่วนตัวครับ VIGO Prerunner ปี 2007 ของผม อายุ 10 ปีเศษเมื่อวันขายต่อ ราคาที่ได้สามารถดาวน์รถคันใหม่ได้เลย ช่วยให้อะไรๆ ง่ายขึ้นเยอะครับ
ขอบคุณที่ทนอ่านกันนะครับ สวัสดีครับ